โดยส่วนตัวแล้วผมเองมักไม่ค่อยได้มีประสบการณ์
จากการขายของทางอินเทอร์เน็ตมากมายนัก
ก็เปิดเว็บขายของส่วนตัวและของสะสมอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น
และของ
บังเอิญเจอข้อมูลเกี่ยวกับการขายของทางอินเทอร์เน็ตโดยท่าน
DePe สมาชิก
ท่านหนึ่งในไทยเสียวบอร์ด(thaiseoboard.com) ที่เขียนบทความเกี่ยวกับ
E-commerce ได้ดีมาก ผมชอบมากเลยครับ ได้รับสาระประโยชน์เพียบเลย
และได้ขออนุญาตินำมาคัดลอกลงในเว็บ
แห่งนี้ได้ ต้องขอขอบพระคุณมากเลยนะครับ คุณ
DePe อีกครั้งนะครับ
บทความของคุณ DePe แห่งบอร์ด thaiseoboard.com
จากการจับตลาด E-commerce ไทยมาพักใหญ่ๆ พบว่าแนวโน้มในการทำเงินมีอยู่ตลอดเวลา
*************************************************************************************************
เดี๋ยวเล่าต้นทุนให้ฟังก่อนดีกว่า เพื่อนสมาชิกจะได้มองภาพออก ตอนที่ผมเริ่มนั้นเป็นยังไงบ้าง
1.ทักษะทางคอมพิวเตอร์ : พอใช้เป็น ทำ word,powerpoint พอได้ แต่งรูป photoscape นิดๆหน่อยๆ พอได้ excel ไม่เป็น
กิจวัตร
ประจำวันยามดึก - เช้าคือ ตีดอท โหลดบิท ตกหญิง หาเรื่องเสียเงิน
เรื่องเว็บไซท์ เคยซื้อ package website สำเร็จรูปของ ready planet
มาทำอยู่อาทิตย์นึงให้บริษัทแล้วก็ทิ้งไปเนื่องจากมัน งง
2.ทักษะทางการตลาด : พอได้ ทำสายงานขายมาก่อน คุยลูกค้าติดต่อธุรกิจในระดับกลาง - ล่าง ได้ดี
3.ต้นทุนทางด้านการเงิน : พอถูไถ งดบุหรี่ งดเรื่องหญิงไปบ้างพอเก็บได้ถ้าจะลงทุนสัก 10k
ทีนี้มาเริ่มจับงานทางด้านนี้เมื่อตอนน้ำท่วมปีก่อนเนื่องจากถนนเข้า
บ้านโดน น้ำท่วม ในหมู่บ้านไม่โดน ออกไปไหนไม่ได้
ดียังมีอินเตอร์เน็ทและไฟฟ้าใช้
ประกอบกับบริษัทที่ทำอยู่โดนน้ำท่วมและย้ายที่ทำงานจากดอนเมืองไปสี่พระยา
หลังจาก ย้ายที่ทำงานแล้วผมก็จารณาสักพัก ลาออกแม่มเลย เสียเวลาชีวิต
ไม่้่ค่อยชอบรถติด ชอบโล่ง ๆ ธุรกิจที่คิดจะเปิดใหม่
อุปกรณ์ซื้อมาหมดแล้วก็พับโครงการไป
เพราะเห็นว่าช่องทางนี้คนทำการตลาดโหดๆแบบแนวรุกยังมีไม่มาก
มาเข้าเคสกรณีศึกษาเลยดีกว่า
อันนี้ทำมาให้มองภาพออกครับ หลักการคร่าวๆก็จะประมาณนี้
กรณีศึกษา เว็บที่ 1 สินค้าไอที เริ่มเดือน 11/54
: เริ่มจากหาตลาด niche
(ตลาดที่ยังไม่เกิดหรือความต้องการมีแต่ยังไม่มีใครเสนอความสินค้าให้ลูกค้า
นั่นเอง) kw นี้คนค้นไม่ถึง 200 ตอนเริ่มตอนนี้เป็นพันละ
เริ่มจาก การนำเข้าสินค้าที่ไปเจอมาจากงานแฟร์
และทำการลงเว็บไซท์ร้านค้าออนไลน์ฟรีไม่กี่ตัว
และเพิ่มสินค้าอื่นๆที่ยังไม่มีใน stock มาให้เต็มหน้าเว็บ
และทำ การโพสท์ประกาศ + เว็บบอร์ดในช่วงๆแรกๆ
แต่สินค้าที่ลูกค้าติดต่อมาสอบถามเป็นอย่างมากกลับกลายเป็นสินค้าที่เติมไป
ให้เต็มเว็บซะงั้น(ไม่มี stock)
ขอเบอร์ติดต่อลูกค้าไว้ และนำเข้าสินค้าตัวที่ลูกค้าติดต่อมา หลังจากสินค้ามาถึง กำไรช่วงแรกดีมาก 150%
และ เป็นธรรมดา เมื่อมีสินค้าใหม่ในตลาด
ก็จะมีคู่แข่งตามมาในระยะเวลาอันสั้น สำหรับ web 1
เจ้าที่เคยสั่งของกับเราไปขายปลีก แกตามมาในเวลา 2 เดือน และตอนนี้มีประมาณ
20 ร้าน (e-com)
จนถึงเดือนนี้ web 1 ยังสามารถทำกำไรได้อยู่เรื่อยๆ เฉลี่ยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและต้นทุนแล้วอยู่ประมาณวันละ 4-10k
กรณีศึกษา เว็บที่ 2 สินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ เริ่มระยะเวลาเดียวกันกับเว็บที่ 1
ตลาด : สินค้าที่มีในตลาดราคาสูง (300k++)
แบรนด์นอกเท่านั้นที่มีขายอยู่ในไทย
และตลาดความต้องการในไทยในราคาที่ต่ำกว่ายังมีอยู่ ก็ทำเว็บไซท์ขึ้นมา
ระหว่างขั้นตอนการทำเว็บไซท์
เจาะเข้าไปหาแหล่งคนที่เล่นสินค้ากลุ่มนี้ตามเวบบอร์ด เมื่อมีคนสนใจส่ง
spec และราคาไปให้พร้อมแจ้งระยะเวลาที่สินค้าจะมาถึง มีคนสนใจระดับ หนึ่ง
หลัก 10- แต่ก็เพียงพอในการทำเงินสำหรับสินค้าประเภทนี้
สั่งของเข้ามาและขายลูกค้าไปทั้งหมดประมาณ 8 ตัวในระยะเวลา 2 เดือน
กำไรประมาณตัวละ 70k เนื่องจากสินค้า niche sas ก็เลยไม่ต้องทำอะไรมาก
ค้น google ก็เจออยู่เว็บเดียว ต้นทุน seo ไม่มีเลย แต่
ตอนนี้ปิดไลน์นี้เรียบร้อยครับคงแต่ service ลูกค้าเดิมอย่างเดียว
เนื่องจากพบว่าสินค้ามีปัญหาในการซ่อมบำรุง(ตามราคาที่ drop
มาจากในตลาดอย่างมาก)
กรณีศึกษา เว็บที่ 3 สินค้าแฟชั่น ศึกษาตลาดเดือน 11/54 เริ่มลุยเดือน 1/55
อัน นี้จะเยอะหน่อยเพราะมันส์ดี
วิเคราะห์ตลาดแล้วเจ้าหลักๆแข่งขันกันสูง และส่วนใหญ่ 90% ใช้บริการ submit
bl ทั้งรักษาอันดับและไม่รักษาอันดับ ใน thaiseoboard กันอยู่
เริ่มดูตลาดคร่าวๆประมาณ 1 เดือน ตลาดแดงเดือด(สนุก+มันส์ครับอย่าไปกลัว)
หน้าแรกมีขยับขึ้นลงตลอดเวลายกเว้นที่ 1 เห็นบางเจ้าใน keyword
ที่เราโฟกัสอยู่มีการบริการที่ไม่ดี ลูกค้าโวยวาย แถมยังมีข้อจำกัดเยอะ
ทั้งช่วงเวลาติดต่อ ช่องทาง (e-mail เท่านั้น) และส่วนใหญ่มาแนว pre order
แถมราคายังไม่โดนใจ จะกำไรสูงไปไหนเนี่ย และเป็น weloveshopping ซะเยอะ
พอสู้ได้ แถมท้าย keyword ที่เล่นกันในตลาดมักกระจุกตัวอยู่ไม่เกิน 10 kw
(ผม "คิดว่า" น่าจะเล่นได้ถึง 50+ kw ในตลาดนี้)
ก็เริ่มศึกษาคู่แข่ง ตลาด ลักษณะนิสัยในการซื้อของลูกค้า
เนื่องจากกลุ่มลูกค้าจะต่างกับ web1 และ web2 คนละด้านเลยทีเดียว
และด้วยปริมาณสินค้าที่เยอะทำให้ใช้งานพวกเว็บร้านค้าออนไลน์ไม่สะดวกนัก
เดี๋ยวมีอุบัติเหตุไฟล์หายหมดยุ่งเลย เหมือนร้านโดนไฟไหม้ เลยจัดการศึกษา
CMS แนว shopping ซะนานเหมือนกันเนื่องจากความรู้ด้านเว็บไซท์เป็น 0
แต่ก็พอศึกษาได้ไม่ยากจนเกินไปหากคิดจะทำ ค่อยๆเรียนรู้คำศัพท์ไป
ทำเว็บไซท์ขึ้นมาให้เร็วที่สุด จัดการสินค้า ศึกษาระบบ บอกตรงๆ theme
ตอนแรกผมดูดเอาของเด็ก 14 ที่รับแต่งเว็บมาศึกษาและลองจิ้ม filebug เอา
ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเต็มก็พอได้ ตอนนี้จดโดเมน ชี้เข้า host ลงของ แต่ง
theme จัดเต็ม onpage สินค้าใหม่สัก 10 ตัวใช้เวลาชั่วโมงนึงก็เสร็จละ
คุ้มค่าเวลาที่ศึกษาไปครับ
เมื่อลงของไปได้พอประมาณ ปัญหาทีเว็บหน้าแรกของ keyword
ที่โฟกัสผมพยายามตอบโจทย์ให้ได้ ลูกค้าจะติดต่อก็โทรมาเลย สั่งในเมล
สั่งในระบบ แล้วแต่ท่าน เพราะกลุ่มลูกค้าวิเคราะห์ดูแล้วมามีทุกระดับ
เกิดคนโรงงานออกกะมาเหนื่อยๆ นั่งเปิดเว็บเราจะสั่งของไปขายหารายได้เสริม
มาเจอสั่งในระบบหรือสั่งในเมลเท่านั้น หรือระบบพรีออเดอร์ เขาไม่เข้าใจครับ
ก็อำนวยความสะดวกลูกค้าไป
ตอบโจทย์ได้แล้วถึงเริ่มทำตลาดโดยการเจาะเว็บบอร์ดและประกาศฟรี
เว็บบอร์ดเป็นที่ๆทรงพลัง
หากรู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เราโฟกัสนั้นไปสุมหัวกันอยู่ตรงไหน ลุยอยู่
สองอาทิตย์เริ่มมีออเดอร์ (กำไรหลัก 100 / วัน) หลังจากเว็บไซท์ใกล้ครบ 2
เดือน จ้าง submit ไป 1 รอบ เริ่มโผลมาอันดับใน keyword ที่ focus (อันดับ
30+) แล้วก็เอามาดูว่าเขาทำกันอย่างไร ได้ไอเดีย + วิธีมาแล้ว
ก็ลุยของตัวเองบ้างสะสมไป เพราะตั้งใจจะจับตลาดยาว ถามว่าคุ้มไหมกับการจ้าง
submit ตอบได้เลยว่าคุ้มครับ หาผู้ใช้บริการคู่ใจไว้ด้วยก็ดีครับ
มีหลายเจ้าแรง ๆ อยู่ในห้องซื้อขาย
หลังจากวิเคราะห์ดูรายวันแล้ว(analytic) ก็เจอ keyword
จำนวนหนึ่งให้สามารถนำไปดันได้ (คู่แข่งไม่เล่น คนค้นเยอะ) ก็ปรับ onpage
และดันเป็นคีย์ไป key ไหนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ทำ blog หรือจด domain จัด wp
ใส่เข้าไปและ link กลับมาที่เว็บทำเงิน (ยึดหน้าแรก) เอ่อ อันนี้ผมเอาให้ดู
อย่าซีเรียสนะครับ ไม้ได้ยุ่งยากอะไร ไม่ทำก็ขายได้และขายดีด้วย
แต่ผมเป็นพวกชอบจัดระบบเลยทำเป็นชาร์ทไว้ ทำไว้นานแล้ว
ทุกวันนี้ก็ทำอยู่บ้าง จะมี blog support สินค้าทุกตัว
เรื่องนี้ต้องลองดูเองครับ ฟังไว้แต่อย่าไปเชื่อเพราะเขาบอก ให้ลองเอง
และอย่าตกใจ เออทำแบบนี้มันแบนว่ะ ทำแบบนี้มันพุ่ง อัด link
วันเดียวมันขึ้นมาที่ 1 เลย และเดี๋ยวก็โดนแบน อะไรประมาณนี้
หลังจากเริ่มอยู่ตัว ก็ทำตามขั้นตอนเดิมๆกับ keyword ใหม่ๆไปเรื่อย
ยอดคนเข้า 100 กำไรวันละ ไม่กี่ร้อยบาท บางวันหลักสิบ จากนั้นพอทะลุ 200
ก็เริ่มเห็นเงิน 1-3k / วัน พอทะลุ 1,000 ก็จะมียอดขายประมาณ 15k - 50k
กำไรของผม 15% ถ้าลูกค้าส่งให้ 10% ก็จะได้อยู่ที่ 2k - 8k
ต่อวันเฉลี่ยประมาณนี้ เนื่องจากสินค้าเป็นคนละประเภทกันกับ 2 เว็บแรก
ดังนั้น ต้องละเอียดพอสมควร
เพราะสินค้าแฟชั่นจะเน้นที่ปริมาณและลูกค้าขายส่ง เรื่อง การเงิน
การบริหารจัดการจะเหนื่อยขึ้นกว่าขายสินค้า 2 ประเภทแรก
แต่ค่าตอบแทนก็สมน้ำสมเนื้อครับ เข้ามาทุกวัน ลูกค้าซื้อซ้ำสูง เวลา
ลูกค้ามีปัญหาอย่าหลบ ให้ชนเลยครับ ถ้าปัญหาเกิดที่เรา
ลูกค้าไม่พอใจก็ให้คืนของมา จะเปลี่ยนให้หรือคืนเงินจัดให้ อยู่กันยาวๆครับ
กรณีศึกษา เว็บที่ 4 สินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ เริ่ม 3/55
อันนี้เป็นเคสของเพื่อนครับ เนื่องจากอยู่ในวงการ
และเห็นว่าไม่มีใครเอามาขาย เลยเริ่มเลยง่าย ๆ หาสินค้าในไทย ซื้อ stock
ทีละ 5 ชิ้น(ราคาส่ง) ... ทำการโพสท์บอร์ด ขายได้อาทิตย์ละ 2 ชิ้น กำไร
2k/ชิ้น (ตอนนั้นยังไม่มีเว็บไซท์)
เริ่มจดใหม่ตอนต้นเดือนและทำเว็บเป็นรูปเป็นร่าง
แตกไลน์สินค้าประเภทเดียวกัน
สินค้าตั้งต้นยังออกปริมาณเท่าเดิมเฉลี่ยอาทิตย์ละ 2 ชิ้น
แค่นี้ก็ทำกำไรได้ไม่ขี้เหร่ครับ เดือนละเกือบ 20k กับสินค้าแค่ชิ้นเดียว ณ
ตอนเริ่มต้น
เท่าที่ผมทำมา สรุปตลาด E-commerce ในไทยให้นะครับ จากทีปัญหาที่อ่านในบอร์ดและลองทำทุกวันมาหลายตลาดในระยะเวลาที่ผ่านมา
ขอข้ามจุดอ่อนขุดแข็งแบบดาดๆที่หาอ่านได้ตามบทความนักวิชาการทั่วไปนะครับ
1.วิเคราะห์ ปรับกลยุทธ์ได้เร็ว : real time เลย
ทีเดียวสำหรับ stat ทั้งหลายที่เอาไว้เก็บข้อมูล ลูกค้าเข้ามาจากทางไหน
ลูกค้าอยู่นานไหม อันนี้หัวใจสำคัญเลยที่ผมหลงรัก
ทำบริษัทมันวัดผลรายเดือนรายไตรมาสนะครับ กว่าจะปรับตัวได้
คู่แข่งนำไปลิ่วไปไหนต่อไหนไม่รู้แล้ว ยิ่งทำการตลาด E-Commerce ยิ่้งสนุก
มีการยึดหน้าแรก การสร้างหลายร้านค้าเจ้าของเดียวกัน มันส์ดี
2.ไม่ต้องง้อใครจ่ายเงินให้ (aff ทั้งหลาย) :
ผมก็ทำครับ amazon adsense พวก t3 ด้วย ได้เงินก็เอามาเป็นค่าเมมเบอร์
อุ๊ยหลุด แต่ E-commerce มันสะใจตรงที่เรา control ทุกอย่างเองได้หมด
รวมถึงพร้อมรับความเสี่ยงด้วยนะครับในกรณี stock ของเอง
3.ไม่รู้จะขายอะไร ?? ปัญหาโลกแตก : ขอ
แนะนำว่า หาของขายตาม keyword ถ้าคิดอะไรไม่ออก ให้หา keyword
ก่อนและหาแหล่งสินค้า หรือเอาสินค้ามาสักตัว แตก keyword แล้วไล่เช็คดู
วันเดียวก็ได้แล้วครับ ถ้าคิดจะทำ สำหรับมือใหม่ไปอ่านเรื่อง keyword
จากส่วนของ amazon ได้ครับ หลักการเดียวกันเป๊ะ
4.ไม่มีทุน : หาทุนซะ (แนะ
นำที่ 5k) พอค่าโดเมน ค่าโฮสท์ ค่าดัน seo สักคีย์หนึ่ง หรือใช้ของฟรีพวก
lnwshop แล้วหาแหล่งสินค้าแบบรับส่งแทน(dropship ที่เขาพูด ๆ
กัน)ในตลาดมีอยู่พอสมควร ถ้าคิดอะไรไม่ออกเดินไปร้านขายของสักอย่างแถวบ้าน
ไปถามเขาเลย ผมหาลูกค้าให้กำไรแบ่งกัน ส่วนใหญ่ ok หมด
ฝึกไว้ครับเจรจาต่อรอง ได้ใช้แน่ แม้ทำงานอยู่หน้าคอม
หรือใครอยากหาเพื่อนไปด้วย pm มาได้ครับ
ถ้าสินค้าน่าสนใจแล้วดูแนวโน้มตลาดยังไม่มีของผมไปด้วยได้
ไม่แย่งตลาดท่านหรอก ผมชอบคุยกับคน แลกเปลี่ยนไอเดียกัน อ้อ
เสริมเรื่องทุนหน่อยครับ พอเราทำโปรไฟล์ของเราให้ดีในระดับหนึ่งแล้ว
ต้องเอาโปรไฟล์ไปเสนอไอเดียเพิ่มทุนครับถ้าจะทำ ติดต่อเพื่อน ญาติ
หรือนายทุนอื่นๆที่รู้จัก ไปเสนอ profile ว่าเราทำการตลาดตรงนี้อยู่
สามารถปั้นร้านสร้างรายได้ให้ได้ โดยแบ่งการลงทุนกันเป็น (นายทุน)เงิน :
ความรู้ (เรา) ได้สบายๆครับ ทีนี้จะขยับขยายอะไรก็ง่าย
แต่ต้องทำโปรไฟล์ให้ดีนะครับ มีหลักฐานและทำสำเร็จจริง
สถาบันการเงินก็รับนะครับ ถ้าเดินเสตทเมนท์ จดทะเบียนดีๆ
เรื่องทุนไม่ใช่ปัญหาเท่าความสามารถในการทำตลาดครับ มันมาเอง
5.หา partner ซะ : เริ่ม
ต้นผมทำคนเดียว หมกอยู่แต่บ้าน
พอเริ่มมีทักษะในการทำก็มาเจอเพื่อนสมัยมหาลัยอีกคนหนึ่งที่ยกตัวอย่างเว็บ 1
น่ะแหละครับ ก็ได้ความรู้เรื่องนำเข้าส่งออกและชิปปิ้ง
รวมไปถึงแลกเปลี่ยนกัน ค้าขายต้องแลกเปลี่ยนครับ สำคัญจะเพิ่มรอยหยักในสมอง
ต้องเป็นแก้วน้ำไม่เต็มจะพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆไม่ตกยุค
ตอนนี้ร่วมงานกันแบบแยกส่วน
คือไม่ร่วมหุ้นแต่ถ้ามีอะไรดีๆก็จะแลกกันในเรื่องการทำตลาด ... เออคุณลง
ads facebook ไปผลเป็นไงบ้าง ประมาณนี้ แต่อนาคตไม่แน่อาจจะร่วมลงทุน
6.อย่าคิดมาก : ค้า
ขายเริ่มง่ายๆ อย่าคิดมาก ที่สำคัญสำหรับ E-commerce ก็คือ
เริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี และปัญหาที่เห็นในบอร์ดคือ
ให้ความสำคัญกับบางส่วนเยอะไป เช่น รูปร่างหน้าตาเว็บไซท์(โดนใจเจ้าของ
ไม่โดนใจลูกค้า) การโปรโมท(มัวไปหาอยู่นั่น nofollow, dofollow, prสูง
,ทำไม index ลด ,blah blah blah) การหาสินค้า (ไม่เชื่อข้อมูล
เชื่อความคิดตัวเอง) อันนี้มีข้อยกเว้น
บางครั้งสัญชาตญาณของเราจะแม่นกว่าข้อมูล เอ๊ะแล้วจะเขียนมาทำไมเนี่ย
คิดมากจากคอมเมนท์ลูกค้า : ลูกค้าคือพระเจ้าจริง
แต่พระเจ้าบางองค์ก็เหมาะโดนถีบ อย่าซีเรียสมากครับ ถ้าเราวางหลักการ
service ลูกค้าไปแล้ว
พ่อค้าแม่ค้าบางคนเอาเก็บมาคิดอยู่นั่นโดนลูกค้าต่อว่ามาเสียเซล์ฟไปเป็น
อาทิตย์
7.ตลาดนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน อย่าไปกลัว :
บางคนทำเว็บได้สวยขั้นเทพ การตลาดห่วยแตก , บางคนค้าขายแค่ในเว็บบอร์ด
กำไรมหาศาล บางคนทำ seo ได้ดี แต่ไม่กล้าหาของขาย , บางคนหาของราคาดีได้
แต่ทำเว็บของขายในเน็ทไม่เป็น อีกทั้งยังมีเหตุไม่คาดฝันอะไรอีกหลายๆอย่าง
.... พ่อค้าแม่ค้าบางคนทำเว็บขายของตลาดกำลังดี มีลูกค้าประจำ
เกิดวิกฤติในครอบครัวจำเป็นต้องดูแลใกล้ชิด ร้านค้าประจำหายไป
โอกาสตกอยู่กับเจ้าที่เหลือในตลาด สารพัดครับ
ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมสอนคนในหมู่บ้านที่รู้จักกันไป 5 คนเพื่อนอีก 2
พบว่าโอกาสที่เราเห็นมันอาจไม่ใช่โอกาสของคนอื่นครับ ตอนนี้มี 1
คนที่คิดจะผลิตของขายเอง ที่เหลือยังชิลๆกันอยู่ ขนาดเปิดเว็บ เปิด
analytic เปิดยอดออเดอร์ + กำไรให้ดูแล้วนะครับ
8.ระบบ ต้องดีถ้าคิดจะหาเงินจาก E-commerce : จาก
excel ที่ผมไม่เคยเป็น(บ้านนอกเนาะ) ตอนนี้กลายเป็นโปรแกรมหลัก
ถ้าเซ็ทระบบไว้ดีหมดแล้ว จะหาของขายกี่อย่างก็ได้ครับ ตลาดมหาศาลจริงๆ
E-commerce ไทย ยิ่งถ้าทำอันแรกเป็นแนวทางไว้แล้วได้นะครับ เว็บที่ 2 - 3 -
4 - 5 - 6 เป็นเรื่องง่ายๆเลยทีเดียว
ถ้าวางระบบไม่ดีเกิดอุบัติเหตุหายไปสักวันสองวัน จะยุ่งครับ
แล้วมันเบียดเบียนเวลาชีวิตที่เราจะไปหา product
หรือพัฒนาการเรียนรู้ของตัวเอง
9.ใช้เงินทำงาน : แน่
นอน เริ่มแรกต้องทำเองให้พอรู้ทุกอย่างเหมือนกิจการทั่วไป
พอถึงจุดหนึ่งแล้ว จ้างได้จ้างครับ พวก post ประกาศ ปรับแต่งเว็บไซท์ การทำ
seo การเขียนบทความทั้งหลายเหล่านี้
พยายามใช้บริการไว้และหาเจ้าประจำที่คุยกันรู้เรื่องและตรงความต้องการของ
เรา ผมชอบใช้บริการนักศึกษา(อย่าคิดลึกนะ) พอดีที่บ้านอยู่ใกล้สถาบัน
ก็หาคนทำอะไรหลายๆอย่างที่ใช้เวลาแต่ไม่เกิดผลมากโยนให้เด็กทำไป
โปรแกรมอะไรบางตัวที่ต้องใช้ทุกวันก็หามาใช้ ซื้อของจริงไปเลย
10.มอง ธุรกิจให้ออก : อัน
นี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความคิดแต่ละคนด้วยครับ
บางคนมองสินค้าตลาดนัดแว้บเดียว ตีราคาได้ + ต้นทุนขนส่ง +
คิดราคาขายหน้าเว็บ + วิธีโปรโมทเสร็จ บางคนมองแทบตายก็ไม่ออก
ไม่ต้องคิดมากเช่นเคยครับ
ค่อยๆตรองไปว่าทำตลาดยังไงดีเดี๋ยวมันก็ติดนิสัยเอง งานแฟร์ ตลาดนัด
เดินๆบ้างครับ กระแสอะไรมาจับให้ออก เช่นมะหาดช่วงก่อน มันแรงมาได้ยังไง
ลองคิดต่อยอด รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าด้วยครับ ลูกค้าเรากลุ่มไหน
พฤติกรรมลูกค้าเราเป็นยังไง ตีให้แตกแล้วเข้าไปนั่งครองใจลูกค้าครับ
11.ไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนมา : ถ้า
คิดจะทำจริงๆ อันนี้จะไม่ใช่ข้ออ้าง
ในบอร์ดนี้และร้านหนังสือมีทุกอย่างครับ
เป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ตกหลุม(ที่คิดว่าตัวเอง)สบายไม่อยากทำอะไรเพิ่มต่าง
หาก
12.สินค้าที่คุณขาย คุณกล้าใช้ไหม : อันนี้ไม่เขียนมาก กระทบเยอะ แต่บางอย่างเห็นตลาดแล้วไปได้ดีแต่สำหรับผมไม่ขายครับ บาปเข้าตัว
13.แบ่ง ปัน : แบ่งปัน = ทำบุญ
เมื่อเราแผ่ความเอื้อเฟื้อออกไป มันจะกลับเข้ามาไม่ว่าทางใดทางหนึ่งครับ
เอาง่ายๆจดโดเมนสักอัน godaddy
เลือกบริจาคให้เต็มเหรียญหน่อยแล้วคิดในใจแบบตั้งใจหน่อย
ขอผลบุญนี้อุทิศให้ทุกชีวิตในโลกและเจ้ากรรมนายเวร ส่งการบ้านรอบ 6
เดือนให้ thaiseoboard ครับ
เขียนจากประสบการณ์จริงไม่มีกั๊กเพราะผมเชื่อแล้วว่าตลาดไม่ใช่สำหรับทุกคน
จากการที่แบ่งปันเพื่อนๆมา เดี๋ยวทำไปอีกสักพักจะมาสรุปผลให้ช่วงปลายปีต่อ
ตอนนี้เพิ่มไลน์สินค้าไปเยอะ เนื่องจากระบบลงตัวหมดแล้ว + มีนายทุนแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับบทความคุณภาพของคุณ DePe
ไม่ใช่บทความวิเคราะห์เชิงวิชาการนะครับ
แต่เป็นบทความที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ด้วยตนเอง
หวังว่าคงจะจุดพลังใจให้สำหรับหลาย ๆ ท่านนะครับ
ที่ก้าวเข้ามากับธุรกิจการขายของทางอินเทอร์เน็ตหรือที่เรานิยมเรียกกันติด
ปากว่า E-Commerce กันนั่นเอง
ฝากคลิบวีดีโอไว้คลิปหนึ่งนะครับ เป็นชายที่มีความพิการทางสายตา
มีความสามารถพิเศษคือเลียนแบบเสียงนักร้อง
ไม่ใช่แค่เลียนเสียงเพลงไทยธรรมดา ๆ นะครับ
แต่เขาสามารถเลียนแบบเสียงเพลงได้อย่างมากมายหลายภาษา และเลียนเสียงการ์ตูน
โฆษณาทีวี โฆษณาวิทยุ โห ....คนอะไรความจำดีมาก ๆ เลยครับ
ยังไงก็ลองชมกันดูนะครับ อาจจะปลุกพลังใจให้กับท่านได้บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจากเวปไชด์ http://www.makemoney2rich.com/